แลกเปลี่ยนชัวร์กว่าบอกสอน : mental models

เรียนรู้ เรื่อง รูปแบบความคิด (mental models) ผ่านนิทานเรื่อง เงาแห่งยุคหิน (Shadows of the Neanderthal : illuminating the beliefs that limit our organizations) สรุปเรื่องย่อเรียบเรียงพอเข้าใจได้ ตามนี้ครับ

NEANDERTHAL002กาลครั้งหนึ่ง มีมนุษย์ถ้ำ 5 คน อาศัยรวมกันอยู่ ภายในถ้ำแห่งหนึ่ง พวกเขาไม่เคยออกจากถ้ำ ด้วยเหตุที่ทุกคนมีภาพความน่ากลัวภายนอกถ้ำต่างๆ กันไป มนุษย์ถ้ำจะหันหลังให้ปากถ้ำ ดังนั้น พวกเขาไม่เคยเห็นสัตว์ต่างๆ ภายนอกถ้ำเลย จะเห็นก็แต่เพียงเป็นเงาของสัตว์ ที่ฉายลงบนผนังถ้ำเท่านั้น และ พวกเขาก็คิดว่า นั่นเป็นสัตว์จริงๆ มนุษย์ถ้ำคนหนึ่ง ชื่อ บูกี เขามีความคิดที่ต่างออกไป ครั้งหนึ่ง เขาเผลอพลั้งปากพูดถึงความคิดที่แหกคอกนั้นออกไปว่า “เขาสงสัยว่ามีอะไรนอกถ้ำกันแน่” เพียงเท่านั้น ก็ถูกบรรดาเพื่อนมนุษย์ถ้ำรุมด่า รุมวิพากษ์วิจารย์ ไปต่างๆนานา จนเลยเถิด ถึงขั้นขับไล่ บูกี ออกจากถ้ำไป ด้วยหวังจะให้ บูกี หายไปตลอดกาล บูกีออกสู่โลกภายนอกถ้ำ เขาเริ่มทำการสำรวจ เขาพบเห็นสัตว์ตัวเป็นๆ นานาชนิด ไม่ได้เป็นเพียงแค่เงาอย่างที่เคยเข้าใจ

บูกีพบกับผู้เฒ่ามนุษย์ถ้ำคนหนึ่งในโลกใหม่ภายนอกถ้ำ ชื่อ ไมค์ ผู้เฒ่าไมค์ เริ่มเล่าให้ บูกี ฟังถึงสิ่งต่างๆ จริงๆแล้ว มนุษย์ถ้ำไม่ได้มีอยู่เท่าที่บูกีเคยเห็นในถ้ำของตน ยังมีมนุษย์ถ้ำอยู่อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งทั้งหมด ล้วนเก็บตัวแต่เพียงในถ้ำของตัวเอง เช่นกัน

ผู้เฒ่าไมค์ เริ่มเล่าย้อนไปในอดีตว่า แต่เดิมมนุษย์ถ้ำอยู่กันภายนอกถ้ำ อย่างสันติ มีความสุข แต่แล้วเมื่อพวกเขามีจำนวนเพิ่มขึ้น จึงเริ่มค้นหาทางออก เพื่อขยับขยายพื้นที่ พวกเขาสร้างหอคอยสูงเพื่อมองไปรอบๆ มนุษย์ถ้ำกลุ่มหนึ่งต้องการสร้างหอก ฯลฯ อีกกลุ่มต้องการสร้างตะกร้า ฯลฯ ความคิดเห็นไม่ลงลอยกัน จึงเกิดการแตกคอกันอย่างรุนแรง จนต้องแยกทางกันอยู่ ท้ายที่สุด ทุกอย่างเป็นไปตามที่มนุษย์ถ้ำแต่ละฝ่ายคิดไว้ล่วงหน้า ก็คือ กลุ่มที่สร้างหอกเมื่อแสวงหาทรัพยากรจนหมด ก็ออกไปเข่นฆ่ากลุ่มที่สร้างตระกร้า แล้วสุดท้ายก็เข่นฆ่ากันเอง

NEANDERTHAL001ผู้เฒ่าไมค์ เฉลยเรื่องราวเบื้องหลังว่า เป็นเพราะตอนที่มนุษย์ถ้ำขึ้นหอคอยนั้น แยกกันขึ้นหอคอยที่ตั้งอยู่คนละฝั่ง และ หอคอยก็ยังหันไปคนละทิศด้วย จึงเห็นภาพคนละแบบ มนุษย์ถ้ำที่ขึ้นหอคอยฝั่งตะวันออก พบพื้นดินที่แตกระแหง และ พบกับสัตว์ป่ามากมาย พวกเขาจึงคิดทำหอก ฯลฯ ส่วนมนุษย์ถ้ำที่ขึ้นหอคอยฝั่งตะวันตก นั้นพบดินแดนที่เขียวชอุ่ม อุดมสมบูรณ์ พวกเขาจึงคิดทำตระกร้า ฯลฯ

บูกี้ เริ่มเข้าใจภาพรวม จึงตัดสินใจกลับสู่ถ้ำของตน เพื่อบอกความจริง ให้กับเพื่อนๆ มนุษย์ถ้ำที่ยังเก็บตัวอยู่ในถ้ำได้รู้ความจริง นิทานจบเพียงแค่นี้ โดยไม่รู้ว่า บูกี จะอธิบายให้เพื่อนๆ มนุษย์ถ้ำ ที่อาศัยอยู่ในถ้ำต่างๆ เชื่อเขาได้หรือไม่

NEANDERTHAL003

สิ่งที่น่าสนใจจากนิทาน

  • มนุษย์ทุกคนนั้นล้วนมีรูปแบบความคิดของตัวเอง มนุษย์ที่อยู่ในถ้ำต่างๆ ก็มีรูปแบบความคิด ในแบบของตน ในขณะที่มนุษย์ที่อยู่ภายนอกถ้ำ ก็มีรูปแบบความคิดในแบบของตน เช่นกัน รูปแบบความคิด ส่งผลต่อการตัดสินใจ
  • รูปแบบความคิดที่เคยถูกติดตั้งแล้ว เปรียบเหมือนกับหอคอยที่สร้างไว้แล้ว เป็นร่องความคิด ที่ทำให้เกิดการตัดสินใจ (decision) ตามภาพที่เห็น เป็นภาพในทิศทางเดิมๆ จากหอคอยเดิมๆ
  • การที่มนุษย์ถ้ำเห็นเงาสัตว์ในผนังถ้ำ แล้วคิดว่าเป็นสัตว์จริงๆ ถือเป็นการติดตั้งรูปแบบความคิดเรียบร้อยแล้ว ทำให้ครั้งต่อๆไป เมื่อมนุษย์ถ้ำแลเห็นเงาสัตว์อีก ก็จะยังคงเข้าใจผิด คิดว่านั่นเป็นสัตว์จริงๆ อยู่ตามเดิม
  • รูปแบบความคิด เกิดจาก ความเชื่อ ภาพพจน์ และ สมมติฐานต่างๆ ที่เรายึดมั่นอย่างลึกซึ้ง เมื่อมีคนไม่เห็นด้วย จะต่อต้านอย่างรุนแรง เช่น จากตอนหนึ่งในนิทาน บูกี เอ่ยว่า “เขาสงสัยว่ามีอะไรนอกถ้ำกันแน่” ถือเป็นการท้าทายรูปแบบความคิดของเหล่ามนุษย์ถ้ำคนอื่นๆ ทำให้บูกี ต้องถูกขับไล่ออกจากถ้ำไป
  • หากลองเทียบเคียงเชื่อมโยงสู่คำสอนทางพระพุทธศาสนา ความคิดเห็นนั้น เรียกว่า ทิฐิ ส่วนการยึดรูปแบบความคิด นั้นเรียกว่า ทิฏฐุปาทาน พระพุทธศาสนา สอนให้มนุษย์ คลายจากการยึดมั่นในความคิดที่ปะปนความเชื่อเดิม พร้อมแนะนำวิธีฝึกปฏิบัติเพื่อคลายการยึดมั่นนั้น เรียกวิธีการนั้นว่า สติปัฏฐาน 4
  • สิ่งที่เราคิดว่ารู้แล้ว อาจไม่จริง สิ่งที่เราไม่รู้ ย่อมมีอยู่ ในขณะที่มนุษย์ทุกคนล้วนมีรูปแบบความคิด (mental model) เป็นของตัวเอง เสมือนหอคอยที่หันไปทางด้านหนึ่ง การเปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ย่อมดีกว่าการบอกสอนและคาดหวังผลให้เป็นไปตามความคิดของตน
เขียนโดย : รัน ธีรัญญ์

Comments

comments