เหตุการณ์ (Event) ที่เราพานพบเจอะเจอ บางเหตุการณ์เราก็ชอบ บางเหตุการณ์เราก็อาจจะไม่ชอบ เป็นสิ่งที่เราไปเปลี่ยนแปลงไม่ได้ครับ สิ่งที่เราควบคุมเลือกทำได้ คือ จะตอบสนอง (Response) ต่อเหตุการณ์นั้นอย่างไร เพราะฉะนั้น หากเราต้องการผลลัพธ์ (Outcome) ที่แตกต่าง หรือ เป็นไปตามที่เราต้องการ สิ่งที่เราจะทำได้ คือ การเลือกตอบสนอง (Response) อย่างดีที่สุด แต่ไม่ใช่การไปเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ (Event) ครับ
Event * Response = Outcome
เป็นสมการง่าย ๆ ที่เราสามารถนำมาอธิบาย เรื่องราวความเป็นไปในชีวิต และ การทำงานของเราได้อย่างดีเยี่ยมครับ นอกจากนี้ ยังพบว่าอารมณ์ภายในจิตใจของเรา ส่งผลต่อการตอบสนอง (Response) ในชีวิตประจำวันของเราด้วยครับ ประกอบด้วย 2 ส่วน ได้แก่
1. การรับรู้ (Perception)
2. เจตนา (Intention)
โดยที่ การรับรู้เชิงบวก มีผลต่อการตอบสนองเชิงบวก (Response) และ เจตนาเชิงบวก ก็มีผลต่อการตอบสนองเชิงบวก (Response) เช่นกันครับ โดยการรับรู้ (Perception) จะเกิดขึ้นระหว่างเหตุการณ์ (Event) และ ใจของเรา ส่วนเจตนา (Intention) นั้น จะเกิดขึ้นจากภายในจิตใจของเรา สู่การตอบสนอง (Response) ออกไป (ดังภาพครับ)
การรับรู้ (Perception) เกิดจากประสบการณ์ของเรา ท่านติช นัท ฮันห์ เคยกล่าวไว้ว่า 99% จากการรับรู้ของเรานั้น คลาดเคลื่อนไปจากความจริงครับ ในขณะที่ เจตนา (Intention) เชิงบวกนั้น จะเหนี่ยวนำให้ การรับรู้ (Perception) ของเรา กลายเป็นเชิงบวกในครั้งต่อไปครับ หรือ แม้แต่อาจเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ (Event) ที่จะเกิดขึ้นกับเราในอนาคตได้เลยทีเดียวครับ ซึ่งส่วนนี้ จำเป็นต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองครับ
สมมติฐานก็คือ เจตนา (Intention) ส่งผลต่อ เหตุการณ์ (Event) ที่เราจะพบเจอในอนาคตจริงหรือเปล่า ?
การพัฒนาด้านอารมณ์ (Emotional Development) ก็คือ การพัฒนาคุณภาพการรับรู้ (Perception) และ เจตนา (Intention) ของเรา เราอาจถามตัวเองว่า สิ่งที่เราเข้าใจอยู่นั้นมันจริงแล้วเหรอ? เพื่อตรวจสอบการรับรู้ (Perception) และ ถามว่า ทำไมเราจึงพูดหรือกระทำอย่างนั้น ? เพื่อตรวจสอบเจตนา (Intention)
สิ่งที่ท้าทายก็คือ เราจะมีสติเท่าทัน จนสัมผัสพบกับ การรับรู้ (Perception) และ เจตนา (Intention) ในชีวิตประจำวันของเราได้อย่างไร
น่าสนใจมากๆ ครับ มาฝึกด้วยกันครับ ^__^
แรงบันดาลใจจาก หนังสือ บทนำสู่พุทธธรรม ชีวิตงาม สังคมดี ธรรมชาติเป็นรมณีย์